ดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในแบบฉบับของ ดำรง พุฒตาล

“ชีวิตคือการเดินทาง”

หลายคนคงเคยคิดหรือกล่าวเอาไว้เช่นนี้


ผู้ชายที่ชื่อ ดำรง พุฒตาล ก็เช่นเดียวกัน  ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีในชีวิต เขาได้ผ่านการเดินทางมาแล้วมากมายในหลากหลายสิบปีในชีวิต เขาได้ผ่านการเดินทางมาแล้วมากมายในหลากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ที่อยู่ในความประทับใจของผู้ชมรุ่นแล้วรุ่นเล่า อาทิ รายการ คู่สร้าง-คู่สม ลูกทุ่งสิบทิศ เกมเปิดโลก แม่บ้านที่รัก และเจาะใจ อดีตเขาเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภามาแล้วสองสมัย ส่วนปัจจุบันเขาคือเจ้าของนิตยสาร คู่สร้าง-คู่สม นิตยสารที่ติดอันดับขายดีตลอดกาล และยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทท่องเที่ยวออสก้า โนว่า ทัวร์ รวมทั้งทำงานให้กับมูลนิธิอีกหลายแห่ง อาทิ มูลนิธิรามาธิบดี และเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิเมาไม่ขับกับมูลนิธิดำรงพุฒตาลของเขาเอง

นอกจากนั้นคุณดำรงยังเป็นหนึ่งในชาวไทยมุสลิมระดับคุณภาพอีกด้วย จวบจนวันนี้การเดินทางในชีวิตของเขาก็ยังไม่จบลงง่าย ๆ ทั้งการเดินทาง “ร่างกาย” (หลังจากที่สัมภาษณ์กับ Secret ได้ไม่กี่วัน เขาก็มีภารกิจต้องเดินทางไปลุมพินี อันเป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประเทศเนปาล) และการเดินทางทาง “ความคิด”

ท่ามกลางตารางชีวิตอันแน่นขนัด คุณดำรงได้จัดเวลาว่างระหว่างการเดินทางเพื่อมาทำในสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักในช่วงเวลาหลัง ๆ มานี้  นั่นคือการเปิดอกให้สัมภาษณ์ในหลากหลายแง่มุม ณ ห้องรับรองของมูลนิธิรามาธิบดี ซึ่งเขามีส่วนร่วมทำงานอย่างจริงจังมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

สิ่งที่จุดประกายให้คุณดำรงหันมาทำงานเพื่อสังคมอย่างจริงจังคืออะไรครับ

เพราะความเป็นสื่อครับ เราเป็นสื่อจึงต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม แล้วก้ต้องใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ตัวผมเองเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่ แล้วเราก็เห็นพิษภัยของการสูบบุหรี่ ผมจึงเริ่มรณรงค์ไม่ให้สูบ ในขณะเดียวกันผมก็ทำงานให้กับมูลนิธิหลาย ๆ ที่ อย่างมูลนิธิรามาธิบดีนี่ก็เป็นมูลนิธิแห่งแรก ๆ ที่ผมช่วยงาน ถึงวันนี้ก็เกือบยี่สิบปีแล้ว ส่วนมูลนิธิเมาไม่ขับ นี่เกิดจากผมไปรายงานข่าวกีฬาโอลิมปิกที่ลอสแอนเจลิส ในช่วงว่าง ๆ ไม่ได้ไปสนามกีฬา ผมนั่งดูทีวีอยู่ในห้องแล้วเห็นผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งร้องไห้คร่ำครวญออกทีวีว่าเธอมีลูกสาวอยู่คนเดียว แล้วก็หวังให้ลูกสาวคนนี้เป็นที่พึ่งเมื่อเธอแก่ตัวลง แต่แล้วลูกก็ถูกคนเมาขับรถชนตาย  เธอจึงมาร้องไห้เรียกร้องว่าใครจะดูแลรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมนั่งดูแล้วน้ำตาซึม และก็กลับมาคิดว่า บ้านเราเองก็มีคนเมาขับรถเต็มถนน เราน่าจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง ประกอบกับคุณหมอแท้จริง ศิริพานิช ก็ได้รับนโยบายมาจากปลัดกระทรวงในสมัยนั้นว่าให้ชวนคุณดำรงไปทำงานรณรงค์เมาไม่ขับ ผมถามว่าทำไมถึงมาชวนผม ท่านก็บอกว่า เคยเห็นผมก่อตั้ง มูลนิธิดำรงพุฒตาล เพื่ออนุรักษ์พัฒนาภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย รณรงค์ให้คนไทยรวมถึงชักชวนให้พิธีกรพูดภาษาไทยให้ถูกต้อง สมัยก่อนเวลาดาราตลกมาออกรายการกับผม แล้วพูดคำควบกล้ำไม่ชัด ผมก็จะบอกให้เขาพูดใหม่ให้ชัดโดยที่ไม่หักหน้าเขาหรืออย่างลูก ๆ ผมก็จะคอยสอนให้พูดให้ชัดเจนและถูกต้อง ทั้งไทยทั้งอังกฤษ ผมอยากฝากไว้ตรงนี้เลยว่าในการปลูกฝังเรื่องภาษานี่อย่าไปหวังโรงเรียนเลย แต่ต้องเริ่มมาจากพ่อแม่และจากที่บ้าน

งานจิตอาสาแบบนี้ส่งผลดีต่อการทำงานโดยรวมอย่างไรบ้างไหมครับ

ยกตัวอย่างง่าย ๆ การทำงานให้มูลนิธิรามาธิบดีนี่ผมคิดว่าได้ประโยชน์กับตัวเองมาก ๆ ถึงตอนนี้ผมจะอายุ ๖๗ แล้ว ก็ยังไม่มีโรคประจำตัวเลย ในขณะที่เพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกันกินยาเป็นกำ ๆ เวลาเจอเพื่อนพวกนี้น่าเบื่อมากเพราะไม่คุยเรื่องอื่น คุยแต่เรื่องยาและเรื่องโรค มีคนหนึ่งบอกผมว่า “รง เชื่อไหม กินข้าวต้มยังเหนื่อยเลย” ฟังแล้วผมก็ตัวพองสิครับ เพราะเรายังไม่มีโรคอะไรเลย ซึ่งผมเชื่อว่ามันเกิดมาจากที่เราทำงานให้มูลนิธิแล้วก็คงได้ความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า

ปรัชญาการทำงานที่ไม่เคยเปลี่ยนของคุณดำรงคืออะไรครับ

ผมไม่รู้ว่าเป็นปรัชญาหรือเปล่านะครับ แต่สิ่งที่ผมยึดมั่นมาตลอดก็คือ หนึ่งขยัน ผมคิดว่าคนเราต้องขยัน  สอง จริงใจต่อสังคม อยากเห็นผู้คนบ้านเมืองมีความเจริญ อยู่ดีมีสุข แล้วก็มีความเข้าใจกัน ความที่เราทำสื่อเราก็อยากใช้สื่อมีส่วนช่วยพัฒนาสังคม

นอกจากนั้นเพื่อนร่วมงานก้ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญ การทำงานคนเดียวมักไม่ประสบความสำเร็จ หรือถึงสำเร็จก็แค่ในระดับหนึ่ง ผมไม่เรียกคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของผมว่า “ลูกน้อง” แต่ผมเรียกพวกเขาว่า “เพื่อนร่วมงาน”  แล้วผมก็ปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนจริง ๆ ที่ทำได้แบบนี้เพราะอะไรรู้ไหม เพราะเพื่อนร่วมงานผมน้อย อย่าง คู่สร้าง-คู่สม ก็มีทีมงานแค่ยี่สิบกว่าคนเอง ซึ่งหลายคนอยู่กันมาพอ ๆ กับอายุหนังสือ ดังนั้นผมจึงสามารถดูแลพวกเขาได้อย่างละเอียดลออ

เป็นคนขยันแบบนี้ มีปัญหาเรื่องการแบ่งเวลาบ้างไหมครับ

ถ้าเป็นสมัยที่ยังปากกัดตีนถีบ ผมก็เอาแต่ทำงานเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ ลูก ๆ หลับหมดแล้ว ดังนั้นผมจะได้เจอลูกสองคนแรกเฉพาะช่วงเช้า คือตอนส่งไปโรงเรียน นอกจากนั้นก็พยายามเจียดเวลาให้เท่าที่จะทำได้ แต่ต้องบอกก่อนว่านั่นคืออดีตนะครับ เพราะปัจจุบันกับลูก ๆ ที่เกิดมาตอนเราเข้าที่เข้าทางแล้ว แม้ว่างานจะยังมากอยู่ แต่ผมก็จะแบ่งเวลาช่วงเสาร์-อาทิตย์อยู่กับพวกเขาไปต่างจังหวัดด้วยกัน

นอกจากนั้นทุกเช้าผมจะนั่งรถตู้ออกจากบ้านพร้อมลูกสองคนเล็ก คนหนึ่งอายุ ๑๑ อีกคนอายุ ๑๕ เดินทางจากบ้านไปโรงเรียนจิตรลดา เราก็จะได้ใช้เวลาด้วยกันวันละ ๒๐ นาทีถึงครึ่งชั่วโมงพูดคุย แล้วก็สอนเขาหลาย ๆ เรื่อง ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น วันนี้ผมต้องไปบรรยายให้กงสุลไทยจากทั่วโลกฟัง ผมก็จะคุยกับลูกว่า  กงสุลคืออะไร สถานกงสุลแตกต่างจากสถานเอกอัครราชทูตอย่างไร เพราะฉะนั้นลูกจะได้เข้าใจข้อมูลใหม่ ๆ ทุกเช้า

ทราบว่าตอนนี้คุณดำรงตั้งใจว่าจะไม่กลับไปทำงานการเมืองแล้ว สาเหตุคืออะไรครับ

ผมคิดว่าการทำงานในสภาไม่ใช่ทางของเรา เพราะถ้าถามว่าระหว่างการเป็น ส.ว. กับการทำงานสื่อ นายดำรงทำประโยชน์ให้กับสังคมไทยจากจุดไหนมากกว่ากัน ผมคิดว่าอย่างที่สองแน่นอนครับ

ผมเป็น ส.ว. อยู่สองสมัย สมัยแรกจากการแต่งตั้ง ทำงานอยู่ ๔ ปี จากนั้นก็ได้รับเลือกตั้งมาอีก ๖ ปี รวมแล้วผมทำงานในฐานะสมาชิกวุฒิสภาอยู่เป็น ๑๐ ปี แต่ตอนที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา ผมเป็น ส.ว. เสียงข้างน้อยมาโดยตลอด เวลาลงมติเราก็จะโหวตแพ้ สู้เขาไม่ได้เลย ในมุมนั้นผมจึงไม่ได้ทำอะไรให้บ้านเมืองมากเท่าไร เหมือนยักษ์ที่ไม่มีกระบอง หรืออย่างการแต่งตั้งคณะกรรมการ กสทช. ผมเป็น ส.ว. ซึ่งรอที่จะคัดเลือกและแต่งตั้งมาตั้งแต่แรก สมัยนั้นเรียก กสช. เพื่อให้เกิดหน่วยงานที่จะสร้างความเป็นธรรมให้กับสื่อ แต่กว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้น กว่าจะแต่งตั้งกันได้ก็ตอนที่ผมออกมาแล้วไม่รู้กี่ปี นั่นก็แปลว่าสิบกว่าปีที่ทุ่มเทต่อสู้มาไม่เห็นได้อะไรกลับมาสู่สังคมเลย เพราะฉะนั้นผมก็คงไม่ไปทำงานในทางการเมืองอีกแล้วละครับ

คุณดำรงมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสื่อในทุกวันนี้อย่างไรบ้างครับ

พูดได้ว่า ทุกวันนี้ “สื่อ” มีอิทธิพลต่อโลกมากนะครับ จะเห็นได้ว่าสงครามที่รบราฆ่าฟันกันในปัจจุบันก็ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เช่น คราวอเมริการบกับอิรัก เราก็ได้เห็นภาพผ่านสื่อซีเอ็นเอ็นว่าตอนที่อเมริกายิงไปถูกเป้าหมายนั้นเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นสื่อจึงมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันมาก แล้วถ้าเกิดสื่อไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ยึดถือจริยธรรม จรรยาบรรณ สื่อก็เป็นตัวสำคัญสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นได้

ผมเองในฐานะที่เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาและมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ผมยังอยากให้มีคอร์สหนึ่งในหลักสูตรด้วย คือ คอร์ส “รู้ทันสื่อ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมสอนลูกทุกวัน เพราะในความเป็นประเทศวัตถุนิยม บริโภคนิยม สื่อจะมีอิทธิพลมาก ในขณะเดียวกันก็มีสื่อซึ่งทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องออกมามากมาย อย่างโทรทัศน์บางช่อง บางประเภท หรือบางเครือข่ายเราดูแล้วไม่รู้เลยว่าออกอากาศได้อย่างไร เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ทันสื่อ

ทุกวันนี้คุณดำรงชอบดูโทรทัศน์รายการอะไรเป็นพิเศษบ้างไหมครับ

ผมทำงานโทรทัศน์มาสี่สิบกว่าปีและเจริญรุ่งเรืองในชีวิตมาโดยตลอด แต่ผมไม่ดูโทรทัศน์ของไทยเลย คนจะหมั่นไส้ก็ยอม ไม่ว่าจะเป็นหนัง ละคร หรือรายการที่ดัง ถ้าผมเปิดโทรทัศน์ ผมจะชอบดูข่าวจากซีเอ็นเอ็นกับบีบีซีเป็นอย่างแรก เพราะได้ข้อมูลรวดเร็วทันใจ นอกจากนั้นยังได้ฝึกแล้วก็พัฒนาภาษาอังกฤษไปด้วย ดูข่าวจบก็มักจะต่อด้วยรายการกีฬาอย่างฟุตบอล รักบี้ หรือว่าเทนนิส จากนั้นก็ดูหนังเรื่องยาวไป

นอกเหนือจากเรื่องความชอบส่วนตัวแล้ว ประเด็นการใช้ภาษาไทยที่ไม่ค่อยถูกต้องก็มีส่วนที่ทำให้ผมแทบไม่อยากดูโทรทัศน์ไทยเลย มีโฆษกและพิธีกรมากมายที่พูดผิด ๆ ถูก ๆ จนฟังไม่ค่อนรู้เรื่องหรืออย่างฟังเพลงไทยทางวิทยุ ก็ต้องตั้งสติฟังสัก ๒๐ วินาทีถึงจะรู้ว่านี่เพลงภาษาของเรา สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้ผมหงุดหงิด จนถึงจุดหนึ่งผมจึงถามตัวเองว่า ทำไมเราต้องลืมตามาเพื่อที่จะต้องพบกับความหงุดหงิดด้วยล่ะ ก็เลยเลือกที่จะไม่สนใจอีกต่อไป

แล้วมีความคิดที่จะกลับมาทำรายการโทรทัศน์อีกไหมครับ

สำหรับรายการโทรทัศน์ ถ้าให้ไปเป็นครั้งคราวนี่ผมยินดีไป แต่ถ้าเป็นเจ้าของเวลาเอง ต้องจัด ต้องหาสปอนเซอร์ ไม่เอาแล้ว เพราะว่าการทำรายการโทรทัศน์ทำให้เราเป็นกังวล เพราะว่าจะต้องคิดและต้องแข่งอยู่ตลอดเวลา ที่ผ่านมาผมอาจจะเคยโดดเด่น ไม่ใช่ว่าผมเก่ง แต่เพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยมีคู่แข่ง โทรทัศน์ก็ยังมีแค่ช่อง ๓ ๕ ๗ ๙ ๑๑ เท่านั้น แต่ถ้าให้มาทำตอนนี้ เราเหนื่อยตาย อย่าลืมว่าผมต้องหาความสุขให้ชีวิตด้วย ไม่ใช่ทำงานไปจนตาย (หัวเราะ)

คุณดำรงมีเคล็ดลับการใช้ชีวิตคู่มาแนะนำบ้างไหมตรับ

มีข้อคิดหนึ่งของฝรั่งเขาคือ หลักที่เรียกว่า “CRAFT” ซึ่ง  C ตัวแรกคือ Care สามีภรรยาต้องแคร์ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่านั่นเรื่องของเธอฉันไม่แคร์ หรือนี่เรื่องของฉันเธอไม่แคร์ไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากแคร์กันและกันแล้ว ยังต้องพลอยแคร์ไปถึงพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายแล้วก็ลูกด้วย

ตัวที่สอง R คือ Respect คนเรารักกันต้องมีความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งคำว่าเคารพในที่นี้ไม่ใช่ในมุมที่ว่าสามีเคารพกราบไหว้ภรรยาหรือภรรยามาเคารพกราบไหว้สามี แต่ว่าหมายถึง การเคารพในความเป็นสามี-ภรรยา เคารพในความเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

ตัวที่สาม A คือ  Acceptance คือต้องยอมรับกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเรื่องอาหารการกินนี่ บางทีก็ทำให้มีปัญหานะ ผมเป็นคนกินรสจัด แต่ภรรยาผมเป็นคนกินอาหารจืดมาก เราต้องยอมรับว่าเขาชอบกินของจืด ไม่ใช่ไปบ่นว่าเขา ทำไมทำอาหารจืดจัง ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องยอมรับว่าเราเป็นคนกินของเข้มข้นรสจัด

ต่อไปคือ F  Forgiveness การให้อภัยกัน เป็นสามี-ภรรยากันย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นให้ต้องทะเลาะกัน เพราะแน่นอนว่าทุกคนย่อมมีการทำผิดบ้างทำถูกบ้าง แต่เมื่อใดก็ตามที่ทำผิด อีกคนหนึ่งก็ต้องอภัยให้เร็วที่สุด

ส่วนสุดท้ายก็คือตัว T  Trust คือ คนรักกันต้องไว้วางใจซึ่งกันและกัน

๕ ตัวรวมกันเป็น CRAFT  แปลว่า “หัตถกรรม” หมายถึงงานฝีมือซึ่งต้องการความอดทน มีฝีมือ มีทักษะ ต้องใช้ความละเอียดอ่อนและใช้เวลา  

ศาสนากับอิทธิพลในการทำงานของคุณดำรงในแง่มุมใดบ้างครับ

เนื่องจากผมได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่มาในหลาย ๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องศาสนาด้วย เพราะฉะนั้นก็ย่อมถูกเบ้าหลอมมา แล้วก็มีอิทธิพลต่อความคิดความอ่านต่อจิตใจอยู่แล้ว แต่ผมเป็นคนนับถือศาสนาอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่นับถือแบบงมงาย ในทัศนะของผม ศาสนาไม่ได้มีไว้คลั่ง แต่มีไว้ชี้นำชีวิต…อย่างมีเหตุผล

แม้แต่กฎกติกาข้อบังคับในศาสนาอิสลามเองก็ต้องพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลเช่นกัน ตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเรื่องที่ผู้คนเข้าใจว่าคนอิสลามมีเมียได้สี่คนนั้น ก็ต้องย้อนกลับไปในยุคที่เกิดศาสนาอิสลาม คือ ตอนนั้นมีการรบราฆ่าฟันกันมากมาย มีผู้ชายตายไปเยอะ ส่งผลให้ผู้หญิงกลายเป็นหม้ายและเด็กไม่มีพ่อ ศาสนาอิสลามจึงอนุโลมว่าให้มีภรรยาได้สี่คน เพื่อผู้ชายที่ยังมีชีวิตอยู่จะได้ดูแลผู้หญิงหม้ายเหล่านั้น ซึ่งตอนนี้เราก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นแล้ว เรื่องนี้จึงไม่มีความจำเป็นอีก และในความคิดของผมแค่มีภรรยาคนเดียวก็เกินพอแล้วครับ (หัวเราะ)

คุณดำรงเคยให้สัมภาษณ์ว่าบ้านเกิดที่อยุธยานั้นผู้คนเปิดกว้างเรื่องศาสนามาก อยากให้ช่วยเล่าประเด็นนี้สักเล็กน้อยครับ

ปัจจุบันอยุธยาก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ คนบ้านผมที่อยุธยาจะคบหาสมาคมกันด้วยความเคารพในความเป็นคนสังคมเดียวกัน โดยไม่ได้แบ่งแยกเลยว่าเธอเป็นอิสลาม ฉันเป็นพุทธ ไม่มีเลย… ไม่มีมุสลิม ไม่มีพุทธ ไม่มีคริสต์ มีแต่คนอยุธยา

“บ้านเวียงเหล็ก” ของผมที่อยุธยาตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดพุทไธศวรรย์ วัดแรกของกรุงศรีอยุธยาที่สมเด็จพระเจ้าอู่ทองมหาราชทรงสร้าง ในขณะที่ข้างวัดก็เป็นชุมชนมุสลิม ส่วนอีกด้านเป็นวัดคริสต์เป็นวัดนักบุญโยเซฟ ด้วยเหตุนี้เวลากระทรวงต่างประเทศมีแขกมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เป็นมุสลิมหรือสื่อมวลชนจากต่างประเทศ บ้านผมก็มักจะเป็นสถานที่รับรองแขกบ้านแขกเมืองเหล่านั้น และระหว่างที่กำลังนั่งกินข้าวกันเขาก็จะได้ยินเสียงสวดของไทยมุสลิมดังออกมาจากหลังวัด เขาก็ตกใจ ผมต้องคอยอธิบายกับเขาว่า วัฒนธรรมของที่นี่เป็นอย่างนี้มา ๔๐๐-๕๐๐ ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแล้ว

ยิ่งกว่านั้น ที่นี่กำแพงวัดกับกำแพงสุเหร่าหลายแห่งเป็นกำแพงเดียวกัน แล้วต่างฝ่ายต่างก็เกื้อกูลช่วยเหลือกันและกันมาตลอด ตัวผมเองก็เหมือนกัน ผมเรียนโรงเรียนวัด ทุกเย็นผมกับเพื่อนก็จะวิ่งเตะฟุตบอลกันอยู่ในวัดตึก เวลาเตะลูกบอลเข้าไปในป่าช้า เราไม่กล้าเข้าไปเอา ก็ต้องนิมนต์หลวงพี่ขอร้องให้ช่วยเอาลูกบอลออกมา เพราะเรากลัวผี เวลาหิวน้ำก็ไปขอน้ำพระท่านดื่ม ชีวิตของผู้คนที่นั่นเป็นอย่างนี้จริง ๆ ครับ

เป็นเรื่องที่น่าสนใจและควรเผยแพร่ให้คนได้รับรู้กันมาก ๆ เลยนะครับ

ใช่ครับ  แล้วก็เป็นเรื่องที่ผมพยายามเผยแพร่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนที่อยู่ในสภาหรือในหนังสือ คู่สร้าง-คู่สม ก็ตาม แล้วยิ่งผมต้องเดินทางไปต่างประเทศ ได้ศึกษาหาความรู้มากขึ้น ก็ยิ่งได้เห็นมุสลิมที่หลากหลายและเปิดกว้างมาก ซึ่งหลายเรื่องอาจจะเป็นแนวคิดที่ไม่ตรงกันกับไทยมุสลิมบางคน บางกลุ่ม อย่างกรณีของสมเด็จพระราชินีราเนีย อัลอับดุลเลาะห์ พระมเหสีของ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ ๒ ของ จอร์แดน  ผมก็ไม่เคยเห็นท่านสวมคลุมผ้าฮิญาบเลย ทั้งที่ท่านเป็นอาหรับแท้ เป็นมุสลิมแท้ ๆ พระราชสวามีของท่านก็สืบเชื้อสายไล่ขึ้นไปถึงศาสดา นบีมุฮัมมัด เลยด้วยซ้ำไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราคงไม่แสดงความคิดเห็นว่าสวมดีไม่สวมดีนะครับ ผมเพียงแต่อยากให้ไทยมุสลิมเปิดกว้างและศึกษาข้อมูลให้รอบด้านมากขึ้น

คุณดำรงมองปัญหาเรื่อง ๓ จังหวัดภาคใต้ในปัจจุบันอย่างไรครับ

สำหรับเรื่องปัญหาของภาคใต้นี่เคยมี ส.ส. ภาคใต้คนหนึ่งพูดกับผมว่า ที่ผ่านมามีคนออกมาพูดเรื่องภาคใต้อย่างโน้นอย่างนี้ แต่คนที่พูดน่ะไม่เคยไปปักษ์ใต้เลยสักครั้งเดียว ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นอิสลาม แต่ไปอยู่ที่อยุธยา แต่อย่างหนึ่งที่ผมพูดได้เต็มปากและอยากฝากเอาไว้ตรงนี้ก็คือ ศาสนาไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทย และไม่ใช่ปัญหาของ ๓ จังหวัดภาคใต้เลย แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาคอร์รัปชั่น ปัญหาของเถื่อน หรือปัญหาส่วนตัวที่แค้นกันมา ถ้าให้สรุปก็คือ ณ เวลานี้ ปัญหายังมีอยู่และยังต้องใช้เวลาแก้ไขกันอีกนาน

คุณดำรงดูเป็นคนที่สบาย ๆ ผ่อนคลาย เวลาเจอปัญหาหนัก ๆ มีวิธีคลี่คลายอย่างไรครับ

ผมคิดว่างานทุกอย่างย่อมมีปัญหา ดังนั้นจะหมดกำลังใจไม่ได้ คนที่จะอยู่รอดคือคนที่แก้ปัญหาได้ คนที่ฆ่าตัวตายก็คือคนที่ไม่คิดแก้ปัญหานั่นเอง

พอมีปัญหาเกิดขึ้นสิ่งแรกที่ควรทำก็คือ ต้องหาสมมติฐานก่อนว่าปัญหาเกิดจากอะไรแล้วจะเจอวิธีแก้ไข จากนั้นก็ต้องตัดให้ได้เหมือนกับนโปเลียนมหาราชที่ท่านแยกสมองออกเป็นลิ้นชัก ๆ ถึงเวลาปิดก็ต้องปิดเลย อย่างผมถ้ามีเรื่องให้เครียดก็อาจทำให้นอนไม่หลับ ผมก็พยายามไม่เอาปัญหามาขบคิด ไม่ย้ำคิดย้ำทำ ต้องพยายามตัดออกไปให้ได้ แล้วก็มองหาเรื่องบันเทิงเริงใจสนุกสนานเฮฮามาเป็นเพชฌฆาตความเครียด

วิธีดำรงตนให้เป็นคนมีความสุขแบบดำรง พุฒตาล ควรทำอย่างไร

บังเอิญว่าความสุขของผมอยู่ที่การทำงานนะครับ คำตอบก็คงเป็นการทำงานให้ดี แล้วก็หาเพื่อนร่วมงานที่ดี ผมมองว่าเพื่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำรงตน ดำรงชีวิตของคนเรามากเลยนะครับ อย่างผมตอนนี้อายุมากแล้วอาจจะหาเพื่อนใหม่ ๆ ไม่ค่อยได้แล้ว เพราะฉะนั้นเพื่อนที่มีอยู่ก็คบกันไป ในขณะเดียวกันครอบครัวก็มีส่วนมากในเรื่องนี้ วันหยุดถ้าไม่ได้อยู่บ้านกับครอบครัว ก้จะไปเดินทางท่องเที่ยวกันทั้งครอบครัว

สำหรับผมการเดินทางมีส่วนสำคัญมากในการดำรงตนให้มีความสุข โดยส่วนตัวแล้วการเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศเป็นการเปิดสมองให้เราได้เห็นอะไรต่ออะไรมากมาย ได้พบปะผู้คนที่หลากหลาย ส่งผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ในการทำงาน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่งดงามทั้งสิ้น แล้วที่สำคัญในขณะที่คนอื่นไปพัก ไปเที่ยวแล้วก็จบตรงนั้น แต่ของผมยังไม่จบ เพราะผมสามารถเอามาเขียนมาเล่าต่อลงใน คู่สร้าง-คู่สม ได้อีก

เมื่อใดก็ตามที่ผมได้นั่งบนเครื่องบิน รัดเข็มขัด สารแห่งความสุข ก็จะค่อย ๆ หลั่งออกมา ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก ไม่มีเรื่องงานอะไรให้ต้องห่วงแล้ว และจากนั้นเราก็จะได้ไปรู้ไปเห็นอะไรอีกมากมาย นับวันผมก็ยิ่งมีความรู้สึกว่า ยิ่งอายุมาก เราก็ยิ่งโง่ ยิ่งไม่ค่อยรู้อะไร ในโลกนี้ยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะแยะ มีสิ่งดี ๆ ให้เราได้เก็บเกี่ยวอีกมากมาย การเดินทางจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนทุกคน รวมถึงตัวผมเองด้วย

ตราบเท่าที่ร่างกายยังไหว ชีวิตผมก็ยังต้องเดินทางต่อไป

       ๕ เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับคุณดำรง พุฒตาล

๑.      สมัยเรียนครูที่โรงเรียนฝึกหัดครูพระนครศรีอยุธยา คุณดำรงคือมือกลองฝีมือดีของสถาบัน

๒.    หลังเรียนจบคุณดำรงเคยเป็นพนักงานการบินไทยในแผนกครัวการบิน มีหน้าที่ดูแลควบคุมการส่งอาหารขึ้นเครื่องบินหลายสาย

๓.     คุณดำรงเคยถูกมอบหมายให้ยื่น “มือ” เข้ามาช่วยส่งผ้าเช็ดหน้าให้นักมายากลชาวปากีสถาน ซึ่งเป็นแขกรับเชิญในรายการ “ป๊อปท็อป” ที่ช่อง ๕ สนามเป้า (ตอนนั้นยังเป็นขาว-ดำอยู่) และนั่นถือเป็นการออกโทรทัศน์ครั้งแรกของว่าที่โฆษกชื่อดังคนนี้!

๔.     โฆษกรายการโทรทัศน์ชื่อดังคนนี้เคยออกอัลบั้มเพลงลูกทุ่งของตัวเองมาแล้ว และเพลงฮิตติดหูในสมัยนั้นคือเพลง “พี่ติดประชุม”

๕.     คุณดำรงเคยขึ้นปกนิตยสารในเครืออมรินทร์ฯ ครั้งหลังสุดคือปกนิตยสาร Trendy Man ฉบับ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๓๗ รวมเวลาได้ ๑๗ ปีพอดิบพอดี ก่อนที่จะมาขึ้นปก Secret ในครั้งนี้

ที่มา: นิตยสาร Secret  ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๕๐  ( ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔)

มูลนิธิดำรง พุฒตาล   238/28 ซ.อยู่เจริญ 29 ถ.รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10230    โทรศัพท์ : 0-2274-0624-6

มูลนิธิเมาไม่ขับ   28/12 ถนนสุขุมวิท 19 (วัฒนา) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110   โทรศัพท์ : 0-2254-5959 , 0-2254-0044

มูลนิธิรามาธิบดี  270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400   โทรศัพท์ : 0-2201-1111

About ☀Tawan™ Guide ☀

a Professional Tour Guide
This entry was posted in 1. เข้าถึงธรรม เข้าถึงโลก เข้าถึงชีวิต, คอลัมน์จากสื่อ. Bookmark the permalink.

Leave a comment