วัดไทยลุมพินี ราชอาณาจักรเนปาล
Royal Thai Monastery Lumbini, Nepal
ตั้งอยู่ที่ ปริมณฑลลุมพินีวันสถาน ด้านวัดนานาชาติ ฝ่ายเถรวาท ห่างจากอุทยานลุมพินีวัน สถานที่ประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับจากเสาศิลาอโศกมหาราช ถึงวัดไทยลุมพินี ประมาณ ๘๐๐ เมตร
ปัจจุบันนี้ อุทยานลุมพินีตั้งอยู่ในเขตปกครอง ตำบลลุมมินเด อำเภอรูปันเดหิ จังหวัดลุมพินี ราชอาณาจักรเนปาล
สร้างขึ้นด้วยศรัทธาของพุทธบริษัทชาวไทย ในนามของรัฐบาลแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้งบประมาณแผ่นดิน และผู้ศรัทธาร่วมทำบุญ ทำสัญญาเช่าที่ดิน จากรัฐบาลเนปาล จำนวน ๒ แปลง รวมพื้นที่ ๕ เอเคอร์ (๑๓ ไร่เศษ) เป็นระยะเวลา ๙๙ ปี เพื่อเป็นการบูชาคุณพระพุทธศาสนา และร่วมเฉลิมฉลอง ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ ๕๐ ปี
แนวคิดในการสร้างอุโบสถวัดไทยลุมพินี
ชาวเนปาลมีความภูมิใจอย่างยิ่ง ๒ อย่าง คือ
๑.มีเทือกเขาหิมาลัยที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวสวยงาม มียอดเขาที่สูงที่สุดในโลก คือยอดเขาเอเวอเรสต์ สูง ๘,๘๔๘ เมตร
๒.มีพระมหาบุรุษผู้เลิศที่สุดในโลกมาประสูติที่สวนลุมพินี ดังนั้น จึงสร้างอุโบสถให้มีความผสมผสานด้วยความยิ่งใหญ่ทั้งสองอย่างให้มีลักษณะยาวสีขาวดุจหิมาลัย สีขาวดุจน้ำนมของพระพุทธมารดาที่ได้ประทานแก่พระมหาบุรุษได้เสวย ภายในอุโบสถมีสีแดงดุจเลือดในพระอุราของพระมารดาที่ได้กลั่นมาเป็นน้ำนม
อ่าน ประวัติวัดไทยลุมพินี
ภายในอุโบสถ แบ่งเป็นสัดส่วน มีการจัดนิทรรศการหมุนเวียน เผยแพร่ความรู้ และประชาสัมพันธ์ข่าวสารความรู้ต่าง ๆ
เศรษฐกิจพอเพียง ภายในบริเวณวัดแวดล้อมด้วยพรรณไม้และพืชผักสวนครัว ไม่เพียงแต่ให้ความสวยงามยังได้ประโยชน์ใช้เป็นอาหารด้วย เป็นผักปลอดสารพิษ ไร้สารเคมี เก็บสดตรงจากต้นทีเดียว
พระธรรมทูตได้กรุณาเล่าเรื่องสงครามไทยกับพม่าแบบน้องหมาให้ฟัง น่ารักมาก คือวัดพม่าใกล้กันก็เลี้ยงสุนัข วัดไทยก็เลี้ยงสุนัข วันดีคืนดี สุนัขวัดพม่าจะเข้ามารุกแดนวัดไทย เจ้าตูบที่เห็นในภาพก็ไม่ยอมให้ล่วงล้ำอธิปไตย รวมตัวกันเห่าและขับไล่จนสุนัขฝ่ายตรงข้ามกระเจิง น้องหมาคงมีสัญญา…แบบว่าเคยมีชีวิตอยู่ในสมัยอยุธยาก็เป็นได้
เก็บตกบรรยากาศโดยรอบ วัดไทยลุมพินี สวยงาม ไม่แพ้ชาติใดในโลก
คณะของเราได้มีโอกาสปรุงอาหารถวายภัตตาหารเช้าร่วมกับแม่ครัวของวัด จะเห็นว่าวัตถุดิบเป็นพืชผักที่หาได้ในท้องถิ่น รวมกับผักที่ปลูกไว้บริเวณวัด จัดว่าเป็นอาหารไทยเลิศรสทีเดียว
ร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนเข้าไปในบริเวณวัดไทยลุมพินี
เดินทางไปทำบุญถวายภัตตาหารเพล
ต้นสาละอินเดีย ชื่อสามัญว่า Sal, Shal, Sakhuwan, Sal Tree, Sal of India, Religiosa (ภาษาละติน หมายถึงเกี่ยวเนื่องกับศาสนา) ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Shorea robusta Roxb.
สาละอินเดีย มีถิ่นกำเนิด ทางเหนือของประเทศอินเดีย (ซึ่งปัจจุบันคือประเทศเนปาล) ซึ่งเป็นชนิดที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติโดยตรง บางทีเรียกว่า สาละใหญ่ หรือ มหาสาละ
สาละ เป็นพืชพวกเดียวกันกับพะยอม เต็ง รัง อยู่ในสกุล Shorea ในวงศ์ Dipterocarpaceae ลักษณะ เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ ลำต้น เปลาตรง เปลือกสีเทาแตกเป็นร่อง เป็นสะเก็ดทั่วไป เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ ปลายกิ่งมักจะลู่ลง กิ่งอ่อนเกลี้ยง ใบ เดี่ยว ดกหนาทึบ รูปไข่กว้าง โคนใบเว้าเข้า ปลายใบเป็นติ่งแหลมสั้นๆ ผิวใบเป็นมัน ขอบใบเป็นคลื่น ดอก ออกเป็นช่อสั้นๆ ตามปลายกิ่งและง่ามใบ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ ๕ กลีบ
กลีบดอกสีขาวอมเหลือง มีกลิ่นหอม ผล เป็นผลชนิดแห้ง แข็ง มีปีก ๕ ปีก
ยาว ๓ ปีก ปีกสั้น ๒ ปีก บน แต่ละปีกมีเส้นตามความยาวของปีก ๑๐ -๑๕ เส้น
ออกดอกประมาณกลางเดือนมีนาคม
สาละอินเดียตอนนี้มีปลูกมากในรัฐอุตตรประเทศ แถบเมืองโครักขปูร์ ไปสู่ด่านชายแดนโสเนาลี เชื่อมต่อเขตเนปาล เรียกว่าสวนป่าสาละ พุทธชยันตี รัฐบาลปลูกเป็นที่ระลึกคราวที่พระพุทธศาสนาครบรอบ ๒๕๐๐ ปี และพบมากในเขตเชิงเขาหิมาลัยของเนปาล
ส่วนต้นไม้ที่เห็นนิยมปลูกกันตามวัดในปัจจุบัน เป็นต้นสาละลังกาไม่เกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติแต่อย่างใด ชื่อสามัญคือ สาละลังกา หรือ ต้นลูกปืนใหญ่ (Cannonball Tree) เป็นพืชวงศ์จิก วงศ์ Lecythidaceae (ปัจจุบันจิกอยู่ในวงศ์ Barringtoniaceae) มืชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Couroupita guianensis Aubl. (ภาษาละติน guianensis แสดงว่ามีถิ่นกำเนิดจากประเทศ Guiana)
อ่านเพิ่มเติม :
สาละ … ต้นไม้พุทธประวัติที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่
การเดินทางจากเมืองลุมพินีกลับอินเดียต้องใช้เส้นทางขามา กลับไปที่ด่านโสเนาลีอีกครั้ง เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองก็ตรงดิ่งไปยังสถานีรถไฟเมืองโครักขปูร์
สถานีรถไฟโครักขปูร์เป็นศูนย์กลางของเส้นทางเดินทางต่อไปยังเมืองต่าง ๆ ได้ เช่น นครเดลลี กัลกัตตา อัคระ อชันตาแอลโลร่า และมุมไบ
ล่ำลาญาติพี่น้อง จะเห็นว่าคนอินเดียชอบเข้ามามุงดูทุกครั้งที่เห็นคนต่างสัญชาติ บางทีก็สร้างความงุนงงให้เราได้ว่าคนไหนมาส่ง คนไหนมามุง มีแต่แขกมุง
จุดหมายของการเดินทางโดยรถไฟครั้งนี้คือมหานครเดลี
สกุลเงินของอินเดียคือ รูปี (Rupee) มีตั้งแต่เหรียญ ๑, ๒, ๕ และ ๑๐ รูปี ส่วนธนบัตรมีฉบับละ ๑๐, ๒๐, ๕๐, ๑๐๐, ๕๐๐ และ ๑,๐๐๐ รูปี โดยอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน (๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖) อัตราแลกเปลี่ยน หนึ่งบาทไทยแลกได้ ๑.๘ รูปีอินเดีย ( 1 THB = 1.8608 INR) ถ้าใช้ดอลลาร์สหรัฐ ๑ ดอลลาร์สหรัฐแลกได้ ๕๕.๕ รูปีอินเดีย (1 USD = 55.5251 INR)
อำลาประเทศอิืนเดียกลับประเทศไทยบ้านเกิดเมืองนอน
ข้อมูลอ้างอิง :
พระวิเทศโพธิคุณ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ), สู่แดนพระพุทธองค์ อินเดีย-เนปาล : ธรรมสภาและสถาบันลือธรรม, 2544.
พระมหา ดร.คมสรณ์ คุตฺตธมฺโม, คู่มือเส้นทางบุญสู่สังเวชนียสถาน กรุงเทพฯ : ดาวเหนือ, 2549.
.
☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀☀
ติดตามตอนอื่น ๆ ได้ ตามลิงค์
บุญหนุนสู่แดนพุทธภูมิ กราบสักการะพุทธสังเวชนียสถานสี่ตำบล : บทนำ
บุญหนุนสู่แดนพุทธภูมิ กราบสักการะพุทธสังเวชนียสถานสี่ตำบล : วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ กัลกัตตา
บุญหนุนสู่แดนพุทธภูมิ กราบสักการะพุทธสังเวชนียสถานสี่ตำบล : วันที่สอง เมืองกัลกัตตา เมืองพุทธคยา
บุญหนุนสู่แดนพุทธภูมิ กราบสักการะพุทธสังเวชนียสถานสี่ตำบล : วันที่ห้า เมืองพาราณสี เมืองกุสินารา
บุญหนุนสู่แดนพุทธภูมิ กราบสักการะพุทธสังเวชนียสถานสี่ตำบล : วันที่หก เมืองกุสินารา ตำบลกาเซีย